DWO City
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Go down
avatar
Gatsby
Posts : 21
Join date : 2018-08-20

Fate/Reincarnation Empty Fate/Reincarnation

Fri Sep 07, 2018 11:16 pm
Prologue


“ ‘สงครามจอกศักดิ์สิทธิ์’ เป็นสงครามที่จะตัดสินและชี้ชะตาว่าใครผู้ใดจะได้เป็นผู้ที่ได้ครอบครอง “จอกศักดิ์สิทธิ์” โดยเหล่าจอมเวทย์ที่ถูกเลือกโดยจอกศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดคนจะต้องเข้าร่วมสงครามและเอาชีวิตของตัวเองนั้นแขวนไว้บนเส้นด้ายและต่อสู้กับเหล่าผู้เข้าแข่งขันที่เหลือเพื่อแย่งชิงสิทธิที่ได้ครอบครองจอกศักดิ์สิทธิ์มาเป็นของตัวเอง โดยเหล่าจอมเวทย์นั้นหรือเรียกอีกชื่อได้ว่า ‘มาสเตอร์’ จะต้องทำการอัญเชิญวิญญาณวีรชนที่มีชื่อเสืยงและตำนานที่ถูกเล่าขานมาช้านานมาเป็นผู้ช่วยในสงคราม โดยเราจะเรียกผู้ช่วยเหล่านี้ว่า ‘เซอร์แวน’ โดยเซอร์แวนเหล่านี้จะมีพลังกำลังและความสามารถที่เหนือมนุษย์หรือจอมเวทย์ธรรมดาทั่วไป และเซอร์แวนนั้นยังได้ครอบครอง “อาวุธศักดิ์สิทธิ์” ที่จะสามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของเซอร์แวนคนนั้นออกมาได้ โดยเหล่ามาสเตอร์หนึ่งท่านจะสามารถอัญเชิญเซอร์แวนมาได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น โดยเหล่าเซอร์แวนจะถูกอัญเชิญมาเป็นหนึ่งในคลาสทั้งเจ็ดดังนี้ เซเบอร์ , อาเชอร์ , แลนเซอร์ , ไรเดอร์ , แคสเตอร์ , แอสซาซิน และเบอร์เซิกเกอร์ ด้วยความที่เหล่ามาสเตอร์นั้นไม่สามารถแตะต้องจอกได้จึงต้องอาศัยเซอร์แวนในการเข้าถึงจอก ดังนั้นความสามัคคีระหว่างมาสเตอร์กับเซอร์แวนจึงสำคัญมาก”


“โดยเหล่ามาสเตอร์ทุกคนนั้นจะมีตราสัญลักษณ์ติดอยู่ที่หลังมือตัวเอง โดยตราสัญลักษณ์เหล่านั้นเปรียบได้กับบัญชาอาคมที่สามารถสั่งให้เซอร์แวนทำตามคำบัญชาโดยที่ไม่สามารถขัดขืนหรือโต้แย้งได้ หรือว่าจะใช้บัญชาอาคมนั้นในการเพิ่มพลังอันมหาศาลให้กับเซอร์แวนตัวเองเพื่อให้สามารถทำภารกิจสำเร็จลุล่วงได้ และเมื่อมาสเตอร์ได้ทั้งเซอร์แวนและบัญชาอาคมแล้ว สงครามจอกศักดิ์สิทธื์ก็จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ……” หลังสิ้นสุดประโยค ชายที่พึ่งอธิบายเรื่องราวที่ฟังดูแล้วคล้ายกับนิยายแฟนตาซีก็ได้หยิบแก้วกาแฟที่วางไว้บนตักของเขาขึ้นมาดื่มอย่างประณีต


“คร่าวๆก็มันก็จะประมาณนี้นั่นแหละครับ” เขาวางถ้วยกาแฟไว้บนตักของเขาก่อนที่จะหันไปพูดกับชายหลังค่อมที่อยู่ข้างหน้าเขา


“ยะ อย่างี้นี่เอง… เรื่องพวกนั้นจะเกิดขึ้นในสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังจะถึงนี่สินะ…” ชายหลังค่อมพูดพึมพำกับตัวเอง สำหรับชายหลังค่อมแล้วสงครามถือว่าเป็นอะไรที่เขาหวาดกลัวที่สุดเพราะว่าถ้าเกิดอะไรที่ไม่คลาดฝันขึ้นมาตัวเขาที่เป็นแค่ชายที่แก่ชราคนนึงคงจะไม่รอดเป็นอย่างแน่นอน เขาคิดอย่างกังวลก่อนที่จะมองไปที่ชายที่อยู่ข้างหน้าเขา ชายผู้อยู่ข้างหน้าเขามีผมสีขาวและใส่แว่นตาแต่ว่าหน้าของเขากลับดูไม่เหมือนคนมีอายุเลยสักนิด ชุดของเขาดูคล้ายกับชุดที่พวกนักบวชมักจะใส่กัน โดยชายในชุดนักบวชคนนี้กำลังมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง บรรยากาศข้างนอกในตอนนี้นั้นมีพายุฝนที่ตกมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่เพราะในโบสถ์แห่งนี้มีเครื่องทำความร้อนขนาดใหญ่อยู่เลยทำให้บรรยากาศข้างในโบสถ์นั้นอบอุ่น


Fate/Reincarnation Facilities-13-600x410


“ชั้นต้องขอบคุณเธอด้วยนะพ่อหนุ่ม ถ้าไม่ได้เธอล่ะก็ชั้นคงเปียกโซกแน่ๆเลย” ด้วยความที่พายุฝนนั้นอยู่ดีๆก็กระหน่ำตกลงมา ตัวของชายชราหลังค่อมที่กำลังเดินเล่นอยู่เลยต้องรีบหาที่หลบภัยให้เร็วที่สุด ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องมาอยู่ในโบสถ์แห่งนี้


“การช่วยเหลือผู้คนเป็นหน้าที่ของนักบวชอย่างผมอยู่แล้วครับ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอกครับ” ชายในชุดนักบวชโค้งคำนับด้วยความถ่อมตน โดยระหว่างที่เขาหลบพายุฝนอยู่ในโบสถ์เขาก็ได้พูดคุยและสนทนากับชายที่เป็นเจ้าของโบสถ์แห่งนี้และได้รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับอีกฝ่าย ชายในชุดนักบวชคนนี้คือบาทหลวงที่ได้รับแต่งตั้งเป็น “ผู้คุมกฎ” ที่ถูกส่งมาโดยองค์กรทางศาสนาให้มาตรวจตราความเรียบร้อยสำหรับสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังจะเริ่มขึ้น และนั่นก็นำไปสู่การสนทนาเกี่ยวกับสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ที่บาทหลวงได้อธิบายไปในไม่นานนี้


“แต่จะว่าไปแล้วชั้นก็สงสัยอะไรอยู่อย่างนึง ทำไมเหล่าจอมเวทย์พวกนั้นถึงต้องกับต้องยอมฆ่าฟันกันเพื่อจอกเพียงแค่อันเดียวด้วยล่ะ? หรือว่าจอกนั่นมันมีอะไรพิเศษงั้นเหรอ?” ชายชราถามคำถามที่ยังคงค้างคาในใจเขากับบาทหลวง
บาทหลวงเมื่อได้ยินคำถามแล้วก็นิ่งเงียบไปครู่นึง ก่อนที่จะเริ่มพูด


“จอกศักดิ์สิทธิ์นั้นถือว่าเป็นวัตถุโบราณที่สำคัญของทางศาสนาคริสต์ เพราะจอกนี้เป็นภาชนะที่พระเยซูทรงใช้เสวยพระกระยาหารมื้อสุดท้ายและใช้รองพระโลหิตของพระองค์ขณะถูกตรึงบนกางเขน โดยมีตำนานจากหลายแห่งกล่าวไว้ว่าจอกใบนี้นั้นมีอำนาจเหนือธรรมชาติบันดาลให้เกิดความสุข ความเยาว์วัยชั่วนิรันดร์ หรือชีวิตอมตะ และนั่นก็นำมาสู่การค้นหาจอกศักดิ์สิทธิ์ซึ่งแกนเรื่องสำคัญในวรรณกรรมกษัตริย์อาเธอร์และอัศวินโต๊ะกลม ถึงอย่างงั้นแล้วคนส่วนใหญ่ก็เชื่อว่าจอกศักดิ์สิทธิ์มีอยู่จริงแค่ในวรรณกรรม แต่ทว่าก็ได้มีการพิสูจน์ในภายหลังว่าจอกศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอยู่จริงโดยองค์กรทางศาสนาได้ตรวจค้นพบว่าไม่ได้มีแค่ใบเดียวด้วย เวลาที่ผ่านมานี้องค์กรทางศาสนาได้พบจอกศักดิ์สิทธิ์ถึง 726 ใบ และเมื่อผู้คนรู้ว่าสิ่งที่สามารถทำให้คำอธิษฐานของตัวเองสมหวังได้มีอยู่จริงก็เลยเกิดการแก่งแย่งแข่งขันขึ้น โดยผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจะได้จอกไปครอบครอง…” บาทหลวงตอบในสิ่งที่ชายชราได้ถามไปอย่างละเอียด


“จริงๆแล้วยังมีเรื่องราวมากกว่านี้แต่ผมเกรงว่าจะไม่สามารถเล่าคุณฟังไม่ได้...” บาทหลวงยิ้มให้ชายชราก่อนที่จะขยับแว่นของตัวเอง


‘โอ้ว…. จอกใบเดียวมีพลังถึงขนาดนี้เลยรึนี่…..” ชายชราพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาก่อนที่จะหันออกไปนอกหน้าต่างก็พบว่าพายุฝนที่ตกมานานนั้นในที่สุดก็หยุดเสียที


“ในเมื่อฝนเริ่มเบาลงแล้วงั้นชั้นขอตัวกลับบ้านก่อนล่ะ ครอบครัวชั้นป่านนี้คงเป็นห่วงแย่แล้ว ขอบคุณมากเลยนะพ่อหนุ่ม” ชายชรากล่าวขอบคุณกับบาทหลวงก่อนที่จะเดินไปที่ประตูโบสถ์อย่างช้าๆ


บาทหลวงยิ้มและโค้งคำนับให้ชายชราก่อนจะมองดูเขาค่อยๆเดินไปที่ประตูโบสถ์


“ขอโทษทีนะครับ ยังมีอีกเรื่องนึงที่ผมยังไม่บอกคุณไป” บาทหลวงลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้และพูดขึ้น


“?” ชายชราหันมามองบาทหลวงด้วยความสงสัย


“เรื่องทั้งหมดที่ผมบอกไปกับคุณในวันนี้นั้นห้ามเล่าให้ใครฟัง เป็นอันขาด” รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของบาทหลวงและเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่บึ้งตึงแทนซึ่งนั่นทำให้ชายชรารู้สึกเสียวสันหลังวาบ


“เข้าใจมั้ย” บาทหลวงถามกดดันเพื่อให้ได้คำตอบ


“ขะ เข้าใจแล้ว! ชั้นสัญญา! จะ จะไม่บอกใครแน่นอน!” ชายชราพูดด้วยท่าทีที่ลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด


“เข้าใจแล้วก็ออกไปซะ” บาทหลวงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาก่อนที่จะหันหลังและเดินไปอีกทาง


ชายชราได้ยินแบบนั้นก็รีบจ้ำอ่าวออกไปทางประตูอย่างรวดเร็ว ทิ้งบาทหลวงให้อยู่เพียงแค่ตัวคนเดียวในโบสถ์


เมื่อประตูได้ปิดลง บาทหลวงก็ได้เดินลงไปที่ห้องลับในชั้นใต้ดินของโบสถ์ เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องลับที่ถึงแม้ว่าจะอยู่ในชั้นใต้ดินแต่ก็สะอาดผิดคาด โดยในห้องลับนั้นเต็มไปด้วยจอมอนิเตอร์ที่แสดงจากกล้องวงจรปิดมากมายและวิทยุสื่อสารต่างๆ โดยบนวิทยุแต่ละอันนั้นจะมีหมายเลขที่แตกต่างกัน และยังมีกระเป๋าใส่เครื่องมืออีกมากมายที่ยังไม่ถูกเปิดออก โดยตรงกลางห้องนั้นมีโต๊ะขนาดใหญ่อยู่ซึ่งบนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยเอกสารมากมายรวมไปถึงคัมภีร์ไบเบิ้ลเล่มเก่าๆ โดยข้างกองเอกสารเล่านั้นมีกระดานหมากรุกอยู่ ซึ่งบนกระดานนั้นมีตัวหมากเจ็ดตัวที่หันหน้าหากันเพื่อที่จะสู้รบและแย่งชิงจอกศักดิ์สิทธิ์มาเป็นของตัวเอง……


“มาดูกันดีกว่าว่าสงครามครั้งนี้จะเริ่มยังไง และดำเนินไปทางไหน และจะจบยังไง….” เขาพูดในขณะที่ตัวเองรินไวน์องุ่นชั้นดีใส่จอกสีเงินที่อยู่บนโต๊ะของเขาและยกมันขึ้นมาดื่ม…..




------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


วันที่ 12 เมษายน 2017


19.17 น.


โตเกียว , ญีปุ่น


2 อาทิตย์ก่อนสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์จะเริ่ม





Back to top
Permissions in this forum:
You cannot reply to topics in this forum